DFSK GLORY 560 สไตล์ SUV 7 ที่นั่ง
รถจีนแล้วไง !! ขับดีมีคุณภาพ จูงใจราคาน่าซื้อ

LINE it!

         ที่ผ่านมาตลาดรถเอสยูวีจัดว่ามีการแข่งขันค่อนข้างสูง  การที่จะเข้ามาแทรกตลาดจึงไม่ใช่เรื่องง่าย  ยิ่งเป็นรถจากค่ายจีนอย่าง DFSK GLORY 560  ซึ่งถือเป็นเอสยูวีน้องใหม่ล่าสุดที่ราคาจับต้องได้  โดยรูปทรงของรถก็จัดว่าดีไซน์ได้อย่างลงตัว พร้อมกับขนาดของตัวรถที่ใหญ่กว่ารถในระดับเดียวกัน  ที่สำคัญอาศัยขุมพลังเบนซินเทอร์โบ 1500 ซีซี. พร้อมกับเกียร์แบบ CVT  จึงทำให้สมรรถนะการขับสนุกสามารถตอบสนองในทุกอัตราเร่งและช่างล่างที่ให้ความนุ่มนวลพร้อมทรงตัวได้เป็นอย่างดี    




       

         รูปทรงภายนอกของ DFSK GLORY 560  ต้องบอกว่าก่อนว่าได้รับการออกแบบในสไตล์ผสมผสาน แต่ก็ดูลงตัวในแบบเอสยูวี  ด้วยขนาดตัวถังที่ยาว 4515 มิลลิเมตร กว้าง 1815 มิลลิเมตร และสูง 1735 มิลลิเมตร ที่มีขนาดตัวรถใหญ่กว่ารถในระดับเดียวกัน ขณะที่ดีไซน์ด้านหน้าไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าโครเมี่ยมแบบ SPORTY WING ที่มีโลโก้ตงฟงขนาดใหญ่  พร้อมกับไฟหน้าทรง HAWK EYE แบบโปรเจคเตอร์ กับ DAYTIME RUNNING LIGHT แบบ LED  ซึ่งมองโดยรวมแล้วอาจจะไม่โฉบเฉี่ยวแตะตา...แต่ก็ดูเข้าท่าเท่ได้ไม่อายใคร 





         ส่วนกันชนหน้าได้ติดการ์ดดำด้านช่วยให้ดูดุดันขึ้นและติดตั้งทั้งไฟตัดหมอกกับไฟหรี่ พร้อมช่องระบายอากาศแบบสี่เหลี่ยมคางหมูสีบรอนซ์ ส่วนล้อแม็กขนาด 17 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ตสไตล์ตัว V ถัดมาเป็นกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถแบบมีไฟเลี้ยวในตัว  พร้อมมือจับข้างประตูแบบโครเมียม และด้านข้างตัวรถยังเล่นขอบพลาสติกดำด้านตั้งแต่ซุ้มล้อหน้าไปจดซุ้มล้อหลังรับกับกันชนหน้าและกันชนหลังอย่างลงตัว ขณะที่บนหลังคามีแร็คหลังคาแบบสปอร์ต กับเสาอากาศทรงครีบฉลาม และ ไฟท้ายดีไซน์เรียวยาวแบบ 2 ชิ้นมีแผงโครเมียมเชื่อมต่อระหว่างไฟท้ายดูดีใช้ได้กับกระจกหลังมีที่ปัดน้ำฝนด้วย  รวมถึงสปอยเลอร์ด้านหลังที่มีไฟเบรคดวงที่ 3 ในตัว และที่กันชนท้ายแบบดำด้านยังมีไฟตัดหมอกหลังมาให้ด้วย  
 


     
         ส่วนภายในห้องโดยสาร ได้รับการออกแบบด้วยโทนสีดำให้ความกว้างขวางนั่งสบาย  มาพร้อมกับจอแสดงข้อมูลแบบลอยตัว HD ขนาด 8 นิ้ว ทัชสกรีน  ส่วนพวงมาลัยแบบมัลติฟังชั่นในสไตล์ D shape หุ้มหนังคลิปด้วยด้ายแดงดูทันสมัย    พร้อมกับเบาะนั่งได้รับออกแบบในสไตล์สปอร์ตให้โอบกระชับนั่งสบาย ตกแต่งด้วยด้ายคลิปแดง รวมถึงแผงประตูด้วย โดยที่นั่งคนขับปรับได้ 6 ทิศทางแบบปรับมือ และที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้า 4 ทิศทาง เบาะแถวที่สองพับได้ 60/40 มีที่ท้าวแขนตรงกลางสามารถไว้วางแก้วน้ำได้ 2 ช่อง รวมถึงเบาะนั่งแถวที่ 3 แยกพับอิสระ 50 : 50 โดยสามารถพับเรียบได้เพื่อไว้เก็บสัมภาระได้มากขึ้น 









         สำหรับความบันเทิงมาพร้อมระบบเครื่องเสียง ที่รองรับระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth มีช่องเชื่อมต่อ AUXและช่องเชื่อมต่อ USB  พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง ที่สำคัญมีลำโพงทวิตเตอร์ที่เสาเอด้านหน้ามาให้ด้วย  และระบบปรับอากาศแบบหมุน ที่จะแสดงข้อมูลขึ้นที่หน้าจอด้วย พร้อมช่องแอร์ด้านหลังอีก 2 ช่องเพื่อให้ความเย็นได้ทั่วถึง กับช่องต่อ Power Outlet ไว้ใช้งาน และมีปุ่มสตาร์ทมือแบบ Push Start กับเบรกมืออัตโนมัติ ซึ่งทุกครั้งจอดรถและเข้าที่เกียร์ P เบรกมือจะทำงานโดยอัตโนมัติ  



         ทางด้านขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1,499 ซีซี. พร้อมด้วยเทอร์โบชาร์จ ที่สามารถให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตรที่ 1,800 – 4,000 รอบต่อนาที กับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT  โดยอาศัยช่วงล่างหน้าเป็นระบบแม็คเฟอร์สันอิสระพร้อมเหล็กกันโคลง กับด้านหลังหลังแบบเทอร์ชอนบีมพร้อมเหล็กกันโคลง และดีสก์เบรค 4 ล้อ  โดยถังน้ำมันมีความจุ 50 ลิตร รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงได้ทุกประเภทตั้งแต่แก๊สโซฮอล์ 91 ไปจนถึง E85 



         สำหรับระบบความปลอดภัย DSFK GLORY 560 ดูแล้วอาจจะมีน้อยกว่ารถระดับเดียวกัน แต่ด้วยราคาขนาดนี้ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว โดยให้มาเพียงพอต่อการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยเบรคอิเล็กทรอนิกส์ (EBA) ระบบควบคุมการลื่นไถล (TCS) ระบบควบคุมการทรงตัวของรถ (ESP) ระบบป้องกันการไหลทางลาดชัน (HHC) ระบบเซ็นเซอร์จอดรถพร้อมกล้องมองหลัง ถุงลมนิรภัยคู่หน้า เบรคมือแบบไฟฟ้า (EPB) ระบบเบรค ABS + EBD และระบบตัดสตาร์ทพร้อมเสียงเตือนภัยเมื่อถูกจารกรรม



         ในการทดสอบ DFSK GLORY 560  ครั้งนี้ได้เดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดใกล้ ๆ กรุงเทพฯ ที่จังหวัดนครนายก โดยระยะทางไป-กลับประมาณ 300 กม. ซึ่งมีสถานที่เที่ยวอยู่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นซุ้มต้นไผ่ หรืออุโมงค์ไม้ไผ่  วัดจุฬาภรณ์วนาราม และที่น่าเที่ยวสุดเห็นจะเป็นถ้ำพญานาค วัดมณีวงค์ ที่มีชื่อเสียงอยู่ในเวลานี้ โดยช่วงแรกของการเดินทางต้องฝ่าจราจรในกรุงเทพฯ ใช้เวลาอยู่พอสมควร ซึ่งตัวรถก็สามารถให้ความคล่องตัวได้อย่างที่ต้องการ และพอจะรับรู้ถึงอัตราเร่งตั้งแต่ออกตัวที่ทำได้ดีทีเดียวและให้กำลังต่อเนื่องแต่ทำความเร็วได้ไม่มากประมาณ 80 กม./ชม.ที่ 1600 รอบต่อนาที พร้อมกับช่วงล่างที่ซับแรงสะเทือนได้ดีทีเดียวเวลาขึ้นลงสะพานแบบไม่ต้องชะลอความเร็ว ไม่มีอาการเซให้รู้สึกเลย



         จากนั้นพอเข้าสู่ถนนวิภาวดีรังสิตก็สามารถที่ทำความเร็วได้มากขึ้น โดยอัตราเร่งสามารถตอบสนองได้อย่างต่อเนื่องทำให้เรียกกำลังออกมาได้ดีทีเดียว ซึ่งขณะที่ความเร็ววิ่งอยู่ 80 กม./ชม.หากต้องการจะเร่งแซงรถคันอื่นก็สามารถเติมคันเร่งให้ความเร็วไต่ขึ้นไปที่ 120 กม./ชม.ที่ 2400 รอบต่อนาที ได้ด้วยเวลาไม่นาน จึงสร้างความมั่นใจในการเร่งแซงได้ พร้อมกับพวงมาลัยไฟฟ้าที่ให้น้ำหนักกำลังดีที่ความเร็วสูง และปรับให้เบามือในช่วงความเร็วต่ำ แต่พวงมาลัยอาจจะมีระยะฟรีอยู่บ้าง จึงทำให้ไม่กระชับแม่นยำเท่าไหร่ ซึ่งเวลาเปลี่ยนเลนท์เลยต้องหมุนเพิ่มขึ้นบ้าง     



         ระหว่างทางยังได้ใช้งานระบบเครื่องเสียงด้วยหน้าจอแบบลอยขนาด 8 นิ้ว ที่ให้คมชัดใช้ได้แม้จะใช้งานในเวลากลางวัน โดยเริ่มใช้งานฟังเพลงผ่านระบบบลูทูธที่สามารถต่อเชื่อมเข้ากับมือถือได้ง่าย และยังได้ใช้แฟลชไดร์ที่โหลดเพลงมาจากยูทูป ซึ่งตอนแรก ๆ ก็ใช้งานไม่ได้ไม่ยอมอ่านข้อมูล แต่สักพักกับมาใช้งานได้ โดยผ่านลำโพง 6 ตำแหน่ง ให้เสียงเพลงออกมาได้เพราะทีเดียว ทั้งเสียงเบสที่ทุ้มดีทีเดียว เสียงกลางและเสียงแหลมออกมาครบ เอาเป็นว่าถ้าไม่ใช่หูเทพ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วเรียกว่าระบบเสียงดีกว่ารถจากค่ายยักษ์ใหญ่เสียอีก 





         แต่สำหรับระบบปรับอากาศเป็นแบบหมุนดูธรรมดาไปหน่อย   ซึ่งเวลาปรับหมุนทั้งอุณหภูมิและระดับความพัดลมจะไปขึ้นแสดงที่หน้าจอขนาด 8 นิ้วด้วย ที่สามารถให้ความเย็นได้เร็วใช้ได้ ยิ่งช่วงกลางคืนถึงกับหนาวเลย แต่การใช้งานเวลาปรับอุณหภูมิต้องใช้งานอย่างอย่างระมัดระวัง เพราะที่ปุ่มหมุนจะมีระบบฮีตเตอร์ด้วยเวลาใช้งานให้หมุนในส่วนเส้นสีฟ้า..อย่าเลยไปถึงเส้นสีแดง...ไม่อย่างนั้นร้อนตับแตกไม่รู้ด้วย นอกจากนี้ในยามค่ำคืนไฟหน้ายังให้แสงสีขาวนวลส่องสว่างได้ไกล รวมถึงเวลาถอยจอดรถจะมีทั้งเซนเซอร์ 3 จุดที่กันชนหลังและกล้องมองหลัง ที่ช่วยให้เวลาจอดรถทำได้ง่ายยิ่งขึ้น เพราะมีทั้งเสียงเตือนและมองเห็นภาพด้วย    



         ขณะเดียวกันเมื่อใช้ความเร็วยืนพื้นอยู่  100 กม./ชม.ที่ 2000 รอบต่อนาที จัดว่าขับแบบสบาย ๆ  และอยู่ในโหมดประหยัดน้ำมัน แต่ถ้าต้องการขับแบบสนุกกว่านี้ก็สามารถเปลี่ยนไปใช้เกียร์แบบแมนนวลได้ที่สามารถลากรอบเครื่องได้อย่างที่ต้องการ ซึ่งใช้ลากรอบประมาณ 3000 รอบในแต่ละเกียร์ก็สามารถปล่อยกำลังออกมาอย่างน่าพอใจ หรือจะเปลี่ยนไปใช้โหมด S ก็ยิ่งขับสนุกมากขึ้นแต่เรื่องกินน้ำมันต้องทำใจ โดยความเร็วเร่งแซงจาก 80-120 กม./ชม.ใช้เวลาประมาณ 8.40 วินาที เรียกว่าเร่งขึ้นได้เร็วทีเดียว   



         ในส่วนของช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันอิสระพร้อมเหล็กกันโคลง กับด้านหลังหลังแบบเทอร์ชอนบีมพร้อมเหล็กกันโคลง ที่เซ็ทมาค่อนข้างแข็ง ซึ่งทำให้การทรงตัวทำได้ดีที่ความเร็วระดับ 120 กม./ชม.ยังขับนิ่งไม่มีอาการหวิวให้รู้สึกเลย และแม้จะเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นไปอีกก็ไปได้หายห่วง  และช่วงเส้นทางเข้าโค้งก็ยังทรงตัวได้ดีไม่มีปัญหา และเกาะถนนได้อย่างที่ต้องการ เช่นเดียวกับถนนทางเรียบก็ให้ความนุ่มนวลนั่งสบายใช้ได้ 



          รวมถึงระบบเบรกแบบดิสถ์เบรก 4 ล้อก็ช่วยชะลอความเร็วได้ดีและถึงช่วงไฟแดงก็เบรกได้หยุดสนิท แต่แป้นเบรกอาจจะมีระยะฟรีเล็กน้อยเลยต้องเหยียบลึกลงสักหน่อย ซึ่งส่วนตัวแล้วพอใจเพราะรู้สึกนุ่มเท้าดีไม่สู้เท้าเหมือนรถบางรุ่น หรือถ้าไม่มีระยะฟรีเลยรับรองได้ว่าเวลาเบรกหัวทิ่มแน่  ส่วนเรื่องของเสียงจัดว่าใช้ได้ไม่ค่อยมีเสียงเข้ามารบกวนภายในห้องโดยสารเท่าไหร่แม้จะใช้ความเร็วเกิน 100 กม./ชม. 
         
       ปิดท้ายถึงจะเป็นรถจากจีน ที่หลายคนอาจจะยังไม่กล้าตัดสินใจซื้อ แต่เวลานี้ค่ายรถจีนต่างได้รับตอบรับมากขึ้น  สำหรับแบรนด์ DFSK  ซึ่งเวลานี้บริษัท อีวี ฮาลิโคนิก จำกัด เป็นผู้นำเข้ามาจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว โดยมีดีลเลอร์ให้บริการอยู่ประมาณ 14 แห่ง พร้อมเพคเกจบำรุงรักษาถึง 5 ปี 100,000 กม.ฟรีค่าแรงเช็คระยะ ที่สำคัญสุดฟรีค่าอะไหล่สิ้นเปลือง ที่ยังไม่มีค่ายไหนให้มากเท่านี้ พร้อมกับมั่นใจในคุณภาพของรถรุ่นนี้ได้ โดยผลิตจากโรงงานมาตรฐานขนาดใหญ่ของ DFSK ที่อินโดนีเซียและที่สำคัญแบรนด์ DFSK ยังเป็นบริษัทในเครือ DONGFENG MOTORS ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 2 ของจีน 



         สรุปโดยรวม DFSK GLORY 560  จัดเป็นรถเอสยูวีแบบ 7 ที่นั่งที่ตอบโจทย์ให้กับครอบครัวรุ่นใหม่ได้ดีทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นรูปโฉมดีไซน์สปอร์ตใช้ได้ ภายในให้ความกว้างขวางนั่งสบายดูดีมีระดับตกแต่งให้อารมณ์สปอร์ต ส่วนของสมรรถนะเครื่องเบนซินเทอร์โบ กับเกียร์ CVT สามารถขับสนุกได้อย่างที่ต้องการ และที่สำคัญราคาสามารถจับต้องได้อยู่ที่ 749,000 บาท ในช่วงแนะนำ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 789,000 บาท ซึ่งน่าจะเป็นทางเลือกในยุคโควิดแบบนี้ สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ WWW.GLORYSUV.COM หรือ เพจเฟสบุ๊ค DFSK GLORY SUV
           
  
       

คำค้น : DFSK GLORY 560 , รีวิวรถใหม่ DFSK GLORY 560 , ลองขับ DFSK GLORY 560 , ทดสอบรถ DFSK GLORY 560 , เอสยูสวีใหม่ DFSK GLORY 560 , ตงฟงเปิดตัวเอสยูวีใหม่ 2022 , แนะนำ DFSK GLORY 560 ปี 2022 , รีวิวทดสอบ DFSK GLORY 560 , DFSK GLORY 560 ปี 2022